“วัดถ้ำสุมะโน” ได้ถูกค้นพบโดยพระอาจารย์ เดช สุมโน ในวันที่ ๒๘ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๓๐ ตรงกับวันอังคารขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีเถาะ ขณะนั้นท่านมีอายุ๓๖ ปี พรรษาที่ ๑๔ พื้นที่วัดถ้ำสุมะโนเป็นภูเขาลูกเล็กๆตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านนา อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง ห่างจากตัวจังหวัดไปทางเขาพับผ้าประมาณ ๒๕ กิโลเมตรภูมิประเทศกว่า ๕๐๐ ไร่อุดมร่มรื่นด้วยพืชพันธุ์ธรรมชาติเป็นป่าเขา มีถ้ำหินงอกหิน
ย้อย ทัศนียภาพเป็นเทือกเขาบรรทัดสลับซับซ้อน และมีลำธารไหลผ่านตลอดปี นับว่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย ปัจจุบันวัดถ้ำสุมะโนยังได้ รับคัดเลือกให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่นเป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวพัทลุงอีกด้วยพระอาจารย์เดชเล่าว่า ก่อนหน้าที่จะพบถ้ำนี้ เมื่อท่านเรียนจบปริยัติธรรม สมความมุ่งหมายแล้ว ท่านได้ออกธุดงค์เพื่อค้นหาพระสัจธรรมจากธรรมชาติ ปฏิบัติตนเจริญรอยตามแนวทางพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กระทั่งช่วงเดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๕พระอาจารย์ เดช สุมโน ได้ตั้งจิตอธิษฐานขณะเจริญภาวนาในอุโบสถ วัดพระศรีรัตน ศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ขอให้พบถ้ำที่ถูกใจ ไม่ห่างไกลกันดารมากนัก พอที่จะใช้ เป็นที่ปฏิบัติธรรม เป็นที่รวมญาติธรรมได้ ภาพถ้ำได้ปรากฏในนิมิต ความประสงค์ที่ พระอาจารย์เดชต้องการถ้ำนั้นเพราะเห็นเป็นที่อยู่ของมนุษย์แบบธรรมชาติมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์และไม่ต้องลงทุก่อสร้างให้สิ้นเปลืองเงินทอง ท่านจึงได้ออกธุดงค์เพื่อค้นหาถ้ำไปในภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือแต่ก็ไม่พบ ต่อมา พระอาจารย์เดช สุมโนได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง เพื่อถวายงานเจ้าอาวาส วัดเจริญธรรมาราขณะนั้นคือพระอธิการบริรักษณ์ สุตตธโร (พระครูภาวนาภิราม) เพื่อสอนปริยัติแก่ภิกษุ สามเณร เมื่อว่างจากิจการวัดก็ออก ธุดงค์เพื่อทำปณิธานของท่านให้เป็นจริง คือการค้นหาถ้ำที่ปรากฏในนิมิต กระทั่ง ถึงปี พุทธศักราช ๒๕๒๘ ท่านได้ธุดงค์ไปจังหวัดนครพนม และ ตั้งจิตอธิษฐานต่อ องค์พระธาตุพนมขอให้พบถ้ำดังกล่าวอีกหลังออกพรรษาท่านก็ธุดงค์ลงใต้มาเรื่อยๆ โดยจำพรรษาที่จังหวัดภูเก็ต และ ในปีต่อมาขณะจำพรรษาที่วัดถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ กับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ซึ่งอยู่ใกล้กับถ้ำผาปล่องท่านได้ปฏิบัติ จนเกิดธรรมขึ้นในใจว่า การ ค้นหาถ้ำภายนอกนั้นไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก สู้หาถ้ำภายในคือ”สติ”จะดีกว่า และ ในคืนนั้นก็นิมิตเห็นเทพองค์หนึ่งคือ “พระนางจามเทวี”มาบอกขณะนั่สมาธิว่า ถ้ำอยู่จังหวัดพัทลุงห่างออกไป ๒๕ กม. ทางไปจังหวัดตรัง สภาพเป็นภูเขาลูกเล็กๆ พื้นที่โดยรอบเป็นป่า (ตามประวัติศาสตร์ ของเมืองพะเยานั้นเล่าว่า พระนางจามเทวีเป็นคนธรรพ์ มีสิริโฉมงดงามมาก เป็น มเหสีของเจ้าเมืองพะเยา คือเจ้าคำแดง ) เมื่อออกพรรษาพระอาจารย์เดชก็ออกธุดงค์ ปฏิบัติธรรมไปทางภาคเหนือ เข้าเมืองครอง เมืองแหง ประเทศพม่า ต้นปี ๒๕๓๐ท่านได้ธุดงค์มาทางใต้จนถึงจังหวัด ภูเก็ต เวลานั้นท่านได้ชักชวนชาวภูเก็ตให้ ปฏิบัติธรรมมากขึ้นจนเป็นที่เคารพสักการะของลูกศิษย์มากมาย กระทั่งท่านมีดำริ จะเดินทางไปพัทลุง เพื่อพิสูจน์นิมิตตามที่เทพเทวดามาบอก และ เพื่อทำมโนปณิธาน ให้ปรากฏ
ย้อย ทัศนียภาพเป็นเทือกเขาบรรทัดสลับซับซ้อน และมีลำธารไหลผ่านตลอดปี นับว่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย ปัจจุบันวัดถ้ำสุมะโนยังได้ รับคัดเลือกให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่นเป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวพัทลุงอีกด้วยพระอาจารย์เดชเล่าว่า ก่อนหน้าที่จะพบถ้ำนี้ เมื่อท่านเรียนจบปริยัติธรรม สมความมุ่งหมายแล้ว ท่านได้ออกธุดงค์เพื่อค้นหาพระสัจธรรมจากธรรมชาติ ปฏิบัติตนเจริญรอยตามแนวทางพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กระทั่งช่วงเดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๕พระอาจารย์ เดช สุมโน ได้ตั้งจิตอธิษฐานขณะเจริญภาวนาในอุโบสถ วัดพระศรีรัตน ศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ขอให้พบถ้ำที่ถูกใจ ไม่ห่างไกลกันดารมากนัก พอที่จะใช้ เป็นที่ปฏิบัติธรรม เป็นที่รวมญาติธรรมได้ ภาพถ้ำได้ปรากฏในนิมิต ความประสงค์ที่ พระอาจารย์เดชต้องการถ้ำนั้นเพราะเห็นเป็นที่อยู่ของมนุษย์แบบธรรมชาติมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์และไม่ต้องลงทุก่อสร้างให้สิ้นเปลืองเงินทอง ท่านจึงได้ออกธุดงค์เพื่อค้นหาถ้ำไปในภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือแต่ก็ไม่พบ ต่อมา พระอาจารย์เดช สุมโนได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง เพื่อถวายงานเจ้าอาวาส วัดเจริญธรรมาราขณะนั้นคือพระอธิการบริรักษณ์ สุตตธโร (พระครูภาวนาภิราม) เพื่อสอนปริยัติแก่ภิกษุ สามเณร เมื่อว่างจากิจการวัดก็ออก ธุดงค์เพื่อทำปณิธานของท่านให้เป็นจริง คือการค้นหาถ้ำที่ปรากฏในนิมิต กระทั่ง ถึงปี พุทธศักราช ๒๕๒๘ ท่านได้ธุดงค์ไปจังหวัดนครพนม และ ตั้งจิตอธิษฐานต่อ องค์พระธาตุพนมขอให้พบถ้ำดังกล่าวอีกหลังออกพรรษาท่านก็ธุดงค์ลงใต้มาเรื่อยๆ โดยจำพรรษาที่จังหวัดภูเก็ต และ ในปีต่อมาขณะจำพรรษาที่วัดถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ กับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ซึ่งอยู่ใกล้กับถ้ำผาปล่องท่านได้ปฏิบัติ จนเกิดธรรมขึ้นในใจว่า การ ค้นหาถ้ำภายนอกนั้นไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก สู้หาถ้ำภายในคือ”สติ”จะดีกว่า และ ในคืนนั้นก็นิมิตเห็นเทพองค์หนึ่งคือ “พระนางจามเทวี”มาบอกขณะนั่สมาธิว่า ถ้ำอยู่จังหวัดพัทลุงห่างออกไป ๒๕ กม. ทางไปจังหวัดตรัง สภาพเป็นภูเขาลูกเล็กๆ พื้นที่โดยรอบเป็นป่า (ตามประวัติศาสตร์ ของเมืองพะเยานั้นเล่าว่า พระนางจามเทวีเป็นคนธรรพ์ มีสิริโฉมงดงามมาก เป็น มเหสีของเจ้าเมืองพะเยา คือเจ้าคำแดง ) เมื่อออกพรรษาพระอาจารย์เดชก็ออกธุดงค์ ปฏิบัติธรรมไปทางภาคเหนือ เข้าเมืองครอง เมืองแหง ประเทศพม่า ต้นปี ๒๕๓๐ท่านได้ธุดงค์มาทางใต้จนถึงจังหวัด ภูเก็ต เวลานั้นท่านได้ชักชวนชาวภูเก็ตให้ ปฏิบัติธรรมมากขึ้นจนเป็นที่เคารพสักการะของลูกศิษย์มากมาย กระทั่งท่านมีดำริ จะเดินทางไปพัทลุง เพื่อพิสูจน์นิมิตตามที่เทพเทวดามาบอก และ เพื่อทำมโนปณิธาน ให้ปรากฏ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น